|
|
ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -แน่
นอนว่า “สวนโมกขพลาราม” หรือวัดธารน้ำไหล อำเภอไชยา จังหวัด สุราษฎร์ธานี
ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมามีความคึกคักขึ้นผิดปกติ หลังจากที่ พระสุเทพ
ปภากโร หรือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส.ได้มาจำพรรษา และจำวัดที่นี่อีกครั้ง เพื่อมาปฏิบัติธรรมตามแนวทางของ “พระพุทธทาสภิกขุ” หรือพระธรรมโกศาจารย์ ผู้ก่อตั้ง
เรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เชื่อว่าหลายคนคงสดับรับรู้ทั่วกัน
แล้วจากปากของพระสุเทพเอง
รวมไปถึงฟังจากคนใกล้ชิดว่าการเข้ามาบวชในครั้งนี้เป็นไปอย่างกะทันหัน
ไม่บอกใคร แม้กระทั่งลูกเมียก็ไม่มีใครรู้
รู้แต่เพียงคนขับรถที่ขับรถพามาส่งที่วัด ท่าไทร อำเภอกาญจนดิษฐ์
จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อให้เจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานีบวชให้
จากนั้นก็มาจำพรรษาที่วัดสวนโมกข์ในเวลาต่อมา โดยทางวัดได้จัด “กุฏิสมเด็จ” ซึ่งเคยเป็นที่รับรองพระผู้ใหญ่ เช่น “พระปัญญานันทภิกขุ” ให้เป็นสถานที่จำวัด
หากจำกันได้ เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม
ได้เกิดปรากฏการณ์ใหม่เกิดขึ้นที่หน้าวัดสวนโมกข์เมื่อมีขบวนชาวบ้านซึ่ง
ส่วนใหญ่เป็นมวลชน กปปส.ที่เคยร่วมชุมนุมทางการเมืองกับ พระสุเทพ ปภากโร
เมื่อครั้งที่ยังเป็นเลขาธิการ กปปส.มาร่วมใส่บาตรจำนวนมาก
มีขบวนยาวตลอดสองข้างทางกว่าสามกิโลเมตร
และนับตั้งแต่นั้นมาบรรยากาศที่วัดสวนโมกข์คึกคัก คลาคล่ำไปด้วย
มวลชนที่ชื่นชอบและศรัทธาใน พระสุเทพ ทั้งในเพศฆราวาสหรือในแบบพระภิกษุสงฆ์
รวมไปถึงบรรดาแกนนำคนสำคัญของ
กปปส.คนสำคัญในพรรคประชาธิปัตย์ต่างแวะเวียนสับเปลี่ยนกันมาพูดคุยสนทนากัน
อย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าที่ผ่านมา พระสุเทพ ปภากโร
จะย้ำหลายครั้งแล้วว่าจะพูดแต่เรื่องธรรมมะ ยึดมั่นในความสงบ
เดินตามแนวทางของพระพุทธทาส หรือแม้แต่ก่อนหน้านี้ ณรงค์ เสมียนเพชร
วัฒนธรรมอำเภอไชยา ไวยาวัจกร วัดสวนโมกข์ ก็ได้เคยย้ำให้มวลชนและแกนนำ
กปปส.ทุกคนห้ามพูดคุยเรื่องการเมือง
ห้ามนำการเมืองเข้ามาในวัดสวนโมกข์ตามที่พระพุทธทาส เคยปฏิบัติเอาไว้
เพราะไม่เช่นนั้นจะเกิดความวุ่นวายผิดเพี้ยนไปจากแนวทาง
อย่างไรก็ดีความเคลื่อนไหวของหลวงลุงสุเทพก็ยังมีอย่างต่อเนื่อง
โดยที่ผ่านมาก็ได้เดินทางไปเป็นประธานในงานบุญ
งานทอดกฐินตามวัดหรือสถานที่ต่างๆ ทั้งในภาคใต้และภาคเหนือมิได้ขาด
โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่งเดินทางไปที่จังหวัดพิษณุโลก มีอดีต
ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์และผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์และมวลชนในภาคเหนือให้การ
ต้อนรับจำนวนมาก
ส่วนที่ภาคใต้ที่สร้างความฮือฮา
ก็คือร่วมเป็นประธานในงานทอดกฐินที่วัดเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน
จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เงินถึงกว่า 8.88 ล้านบาท มากเป็นประวัติการณ์
แต่น่าสนใจไปกว่านั้นก็คือ การเทศนาแบบปราศรัยกลางวงของ “หลวงลุง”
ที่ออกหน้าการันตีการทำหน้าที่ของตำรวจที่คลี่คลายคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยว
ชาวอังกฤษว่าทำได้ถูกต้องตามขั้นตอน
ขณะเดียวกันยังยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการทำหน้าที่เพื่อแก้ปัญหาบ้านเมือง
ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)และนายกรัฐมนตรี
ยึดผลประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นหลัก
สอดคล้องกับคำพูดของบรรดาแกนนำกปปส.หรือแม้แต่โฆษกของ กปปส.เอกณัฐ
พร้อมพันธุ์ ที่ย้ำว่าจะไม่มีการเคลื่อนไหว
จะให้ความร่วมมือกับคสช.และรัฐบาล จนต่อมามีเสียงวิจารณ์ตามมาว่า
หลวงลุงกำลังทำหน้าที่ไม่ต่างจากโฆษกค้ำประกันคุณภาพให้กับคณะ
คสช.และรัฐบาล รวมทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อครั้งที่เป็น สุเทพ เทือกสุบรรณ
เลขาฯกปปส.ก็เคยรับประกันบนเวทีมาแล้วมองคนไม่ผิดว่า
“ยืนอยู่ข้างประเทศชาติ”
ในขณะที่เวลานั้นสังคมกำลังตั้งคำถามถึงท่าทีและบทบาทในฐานะผู้นำกองทัพในเรื่องที่จะออกมายืนข้างมวลชน
อย่างไรก็ดี
ความเคลื่อนไหวล่าสุดที่เกิดขึ้นในวัดสวนโมกข์ที่เกิดเสียงวิจารณ์ขึ้นมา
หลังจาก พระสุเทพ ปภากโร
เป็นประธานหรือแสดงบทบาทเสมือนเป็นประธานอุปสมบทหมู่พระภิกษุสามเณรจำนวน
140 รูป รอบแรกเมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา
เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
โดยส่วนใหญ่จะเป็นมวลชนและแกนนำ กปปส.
แม้ว่าตามกำหนดการจะมี พระธรรมวิมลโมลี เจ้าคณะภาค 6
เป็นพระอุปัชฌาย์ แต่ภาพที่เห็นกลายเป็น พระสุเทพ ปภากโร
เป็นประธานในพิธีอุปสมบทหมู่ดังกล่าว
ก็มีคำถามขึ้นมาอีกว่าเหมาะสมหรือไม่ที่พระที่เพิ่งบวชใหม่เพียงแค่ไม่กี่
เดือนจะมาทำหน้าที่ในพิธีแบบนี้
ดังนั้น ความเคลื่อนไหวในวัดสวนโมกขพลาราม นับตั้งแต่
“หลวงลุงกำนัน” เข้ามาจำวัด ดูเหมือนว่าไม่ได้
“สงบนิ่ง”อย่างที่ตั้งใจไว้ตามแนวทางของ “ท่านพุทธทาส”
แต่เท่าที่เห็นล้วนออกมาในโทน “นำคณะเดินสาย”ไปตามสถานที่ต่างๆทั่วประเทศ
ยังมีบุคลิก “ผู้นำมวลชน” เพียงแต่ว่ามาในรูปแบบใหม่
ถูกมองว่ายังยึดโยงการเมืองทั้งตัวบุคคลคือ พล.อ.ประยุทธ์ และคณะบุคคลคือ
คสช.และรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่อง
ภาพที่เห็นจึงช่วยไม่ได้ที่จะมีคนมองว่า หลวงลุง
กำลังนำการเมืองเข้าวัดสวนโมกข์ หรืออาจใช้คำว่า “ยึดสวนโมกข์”
แม้ว่าในความเป็นจริงอาจจะอีกเรื่องหนึ่ง
แต่จากความเคลื่อนไหวที่เห็นมาตั้งแต่ต้นทำให้มองไปทางนั้นได้จริงๆ
เพราะดูคึกคัก เร่าร้อนพิกล !!
|
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น