แหล่งข่าวจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศไทย กระทรวงพาณิชย์
เปิดเผยว่า กรมอยู่ระหว่างการศึกษาภาษีและมาตรฐานการนำเข้ารถยนต์มือสองของต่างประเทศ
เพื่อผลักดันการส่งออกรถยนต์มือสองของไทยซึ่งปัจจุบันมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เพราะปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวทำให้ต้องขายรถยนต์เพื่อนำเงินไปเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
และรถถูกยึดจากโครงการรถคันแรกมีมาก ทำให้ปริมาณรถยนต์มือสองเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกันเห็นว่าการผลักดันส่งออกรถยนต์มือสองและอะไหล่จะช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกของไทย
และดำเนินการตามนโยบาย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่ต้องการให้เปิดตลาดค้าใหม่ๆ ตลาดสำคัญของรถยนต์มือสอง คือ อาเซียน
และแอฟริกา เช่น ประเทศเคนยา เป็นต้น
"บริษัทรถยนต์ชั้นนำเข้าของญี่ปุ่นและยุโรป
ตั้งสำนักงานและจำหน่ายรถยนต์ในเคนยาหลายบริษัท แต่คนเคนยาส่วนใหญ่นิยมรถยนต์มือสอง
เฉพาะรถญี่ปุ่นที่มีค่าบำรุงรักษาต่ำ และมีอะไหล่จำหน่ายทั่วประเทศ
ขณะที่รถยนต์มือสองจากยุโรปจะเป็นกลุ่มที่มีฐานะ ผู้บริหารบริษัท ข้าราชการระดับสูงมากกว่า
ขณะที่ไทยยังได้ประโยชน์จากธุรกิจขายอะไหล่รถยนต์มือสองหรือเทียม ซึ่งจะมีราคาถูกว่าอะไหล่แท้ประมาณ 2
เท่า และความต้องการยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง" แหล่งข่าวกล่าว
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์
โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า
ปัจจุบันไทยยังส่งออกรถยนต์มือสองไปต่างประเทศไม่มาก ที่ส่งออกไปแล้วเน้นประเทศเพื่อนบ้าน
การส่งออกรถยนต์มือสองเพื่อระบายรถยนต์มือสองในประเทศถือว่าดี
เพราะทราบว่าความต้องการรถยนต์มือสองในประเทศเพื่อนบ้านมีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งพม่า กัมพูชา ลาว
หรือแอฟริกา เพราะประชาชนมีรายได้สูงขึ้นจนสามารถซื้อรถยนต์ได้
นายสุรพงษ์กล่าวว่า
สำหรับธุรกิจรถยนต์มือสองส่วนใหญ่ จะเป็นกลุ่มที่ซื้อเต็นท์รถมือสองแล้วผ่อนไม่ไหวก็ต้องถูกยึด
ที่เหลือก็จะเป็นรถยนต์ใหม่ และรถยนต์ถูกยึดจากโครงการรถคันแรก
ขณะที่ตลาดรถมือสองในไทยซบเซาตามเศรษฐกิจและตอนนี้รถยนต์ใหม่จัดโปรโมชั่นลด แลก แจก แถม มาก
ไม่ต่างจากโครงการรถยนต์คันแรกที่ได้คืนภาษี 60,000-100,000 บาทต่อคัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น