วันอังคารที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ช่อง 3 ไม่ยอมรับมติกสท.ให้ออกคู่ขนาน เหตุแนวทางไม่ชัดเจน

ช่อง 3 ไม่ยอมรับมติกสท.ให้ออกคู่ขนาน เหตุแนวทางไม่ชัดเจน
        เลขาธิการ กสทช.เผยตัวแทนช่อง 3 ไม่สามารถรับมติของ กสท.ที่ให้ออกคู่ขนานด้วยการซื้อรายการจากช่องอนาล็อกมาออกดิจิตอลได้ เพราะแนวทางในการดำเนินการดังกล่าวไม่ชัดเจน แนะให้ช่อง 3 ทำหนังสือขอทบทวนมติของกสท.มาเสนอต่อบอร์ดกสทช.เพื่อพิจารณาได้ รับปากจะนำเข้าที่ประชุมให้เร็วที่สุดก่อนจอดำวันเย็นวันที่ 11 ต.ค.
      
       เมื่อวันที่ 7 ต.ต. เวลา 09.45 น.นายประสาร มาลีนนท์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด (ช่อง 3 อนาล็อก) พร้อมด้วยนายสุรินทร์ กฤติยาพงษ์พันธ์ รองกรรมการผู้จัดการ เป็นตัวแทนช่อง 3 มอบแจกันดอกไม้แสดงความยินดีกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เนื่องในโอกาสครบรอบ 3 ปี กสทช. โดยมีพล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ประธาน กสทช.และนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. รับมอบ
      
       ทั้งนี้หลังการมอบดอกไม้แสดงความยินดี เลขาธิการ กสทช. ได้เชิญผู้บริหารช่อง 3 เข้าหารือในห้องรับรองที่อาคารอำนวยการ โดยคาดว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับประเด็นการแก้ไขปัญหาจอดำของช่อง 3 อนาล็อก ซึ่งการหารือดั้งกล่าวเป็นการพูดคุยกันไม่นานหลังจากนั้นตัวแทนช่อง 3 จึงเดินทางกลับ
      
       นายฐากรเปิดเผยหลังจากการ หารือดังกล่าวว่า ขณะนี้ช่อง 3 แจ้งว่าไม่สามารถรับมติของ กสท. ที่ให้นำผังรายการช่อง 3 อะแนล็อก มาออกในช่องดิจิตอล ลักษณะการออกคู่ขนานแต่ต้องไม่ผิดตามเอกสารแนบใบอนุญาตผู้ประกอบการโทรทัศน์ ดิจิตอลได้ เนื่องจากช่อง 3 มีความเห็นว่าแนวทางที่ทาง กสท. แนะนำนั้นไม่ชัดเจนเพียงพอ ดังนั้นตนเองจึงได้เสนอแนะให้ช่อง 3 ทำหนังสือขอทบทวนมติ กสท.ดังกล่าวมายื่นต่อสำนักงาน กสทช.ได้ ซึ่งหากมาเร็วคณะกรรมการ กสท.ก็จะนำเข้าที่ประชุมโดยเร็วที่สุดเพื่อให้ทันกับการสิ้นสุดคำสั่งทุเลา มติดังกล่าวของศาล อันจะทำให้ช่อง 3 อนาล็อกจอดำบนโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิลในวันที่ 11 ต.ค.เวลา 16.30 น.
      
       ***เปิดใจยอมรับกสทช.มีปัญหามาก
      
       นอกจากนี้นายฐากร ยังได้เปิดใจในโอกาสที่ กสทช.ครบรอบ 3 ปีด้วยว่า ที่ผ่านมายอมรับว่าสำนักงาน กสทช.มีปัญหาและอุปสรรคจำนวนมากในการทำงาน ทั้งกฏหมายของ กสทช.อำนาจหน้าที่ที่ทับซ้อนกับหน่วยงานอื่นๆ และวิกฤตในองค์กรที่ยังไม่มีความเป็นหนึ่งเดียวในการทำงาน โดยเห็นว่าองค์กรควรมีการปฏิรูปองค์กรและวางแนวทางแก้ปัญหาที่ชัดเจนหลักๆใน 4 ด้าน คือ ด้านแรก เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หรือรัฐบาลที่มีอำนาจการให้ความชัดเจนในอำนาจการทำงานของสำนักงาน กสทช.ที่ยังคาบเกี่ยวหรือทับซ้อนกับหน่วยงานอื่นๆ ทำให้การทำงานไม่เป็นเอกภาพและซ้ำซ้อน เช่น การทำงานทับซ้อนกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) ในหลายๆด้านทั้ง กิจการดาวเทียม การปราบปรามการกระทำผิดทางอินเทอร์เน็ต ที่ขณะนี้ได้ตั้งคณะทำงานเข้ามาดูแลและแก้ปัญหาดังกล่าวแล้ว
      
       ด้านที่สอง การสรรหา กสทช.และเลขาธิการ กสทช.ของสำนักงาน กสทช.ให้เป็นเช่นเดียวกับองค์กรอิสระอื่นๆที่ไม่ล่าช้ามากเพื่อให้สานต่อการ ทำงานได้ต่อเนื่อง ด้านที่สามองค์กร กสทช.ควรมีความชัดเจนในการจัดสรรหน้าที่การทำงานหรือควบรวมการทำงานเป็น หนึ่งเดียวกัน เนื่องจากตามพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุ กระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 หรือกฎหมายกสทช.ที่กำหนดให้ กสทช. เป็นองค์กรเดียว แต่ในการปฏิบัติงานอำนาจในการตัดสินใจการกำกับดูแลส่วนใหญ่จะเป็นอำนาจของ แต่ละด้าน คือด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์กับด้านกิจการโทรคมนาคม
      
       และด้านที่สี่การใช้งบประมาณ ในแต่ละปีของสำนักงาน กสทช.ควรผ่านการพิจารณาของรัฐสภาหรือวุฒิสภา เพื่อความโปร่งใสในการจัดสรรและใช้งบประมาณ พร้อมให้สำนักงาน กสทช.ตั้งการใช้งบประมาณที่เหมาะสมกับการใช้งานและบริหารงบประมาณอย่างโปร่ง ใส เชื่อว่า หากสามารถดำเนินการตามแนวทางทั้งหมดจะสามารถแก้ปัญหาและวิกฤตต่างๆของสำนัก งาน กสทช.ได้
      
       ด้าน พล.อ.อ.ธเรศ ประธานกสทช. กล่าวว่า กฏหมาย กสทช.ยังมีข้อขัดข้องในทางปฏิบัติหลายส่วน ซึ่งควรมีการปรับปรุงเพื่อแก้ข้อบกพร่อง ส่วนการพัฒนาองค์กร กสทช.ให้มีความน่าเชื่อถือและมีมาตรฐาน จำเป็นต้องพัฒนาทั้งองค์กรในการทำงานด้านทั้งกิจการวิทยุ โทรทัศน์และโทรคมนาคม ให้เท่าทันกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงพัฒนาบุคคลากรของ สำนักงาน กสทช.ให้มีคุณภาพเหมาะสมกับการทำงานมากที่สุด รวมถึงการให้ความสำคัญกับการทำความเข้าใจกับประชาชนและสังคมเกี่ยวกับการทำ งานของ กสทช.ในด้านต่างๆที่ส่วนใหญ่ยังเข้าใจได้ยาก ให้เป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายและเป็นประโยชน์ต่อประชาชน
       

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น