หลังจากเล่นบทเสือเฝ้าถํ้ามา 4 เดือนเต็ม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะสวมวิญญาณเสือติดปีกบินไปเยือน พม่าในฐานะแขกของรัฐบาล
ถือเป็นการโชว์ตัวครั้งแรกในตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี
ก่อนจะขึ้นเวทีอินเตอร์ ไปร่วมประชุมกลุ่มเอเปกที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน
ซึ่งจะเป็นโอกาสดีที่จะได้เจรจาภาษาดอกไม้กับ “ประธานาธิบดี โอบามา” แห่งอเมริกา “ประธานาธิบดี ปูติน” แห่งรัสเซีย และ “ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง” มังกรใหญ่แห่งเอเชีย
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าการเดินทางไปเยือนพม่าอย่างเป็นทางการ พล.อ.ประยุทธ์ มีนัดเจรจาทวิภาคีกับ “ประธานาธิบดี เต็งเส่ง” ผู้นำสูงสุดของรัฐบาลพม่า ที่กรุงเนปิดอว์
คาดว่า “บิ๊กตู่” กับ “บิ๊กเต็ง” จะคุยกันถูกคอ เพราะทั้งคู่เป็นทหารเหมือนกัน มาทางลัดเหมือนกัน แถมมีโรดแม็ปบันได 3 ขั้นตำราเดียวกัน
การเลือกเยือนพม่าเป็นประเทศแรก จึงเหมาะสมแล้วด้วยประการทั้งปวง
“แม่ลูกจันทร์” ย้ำว่าสาระสำคัญที่ “บิ๊กตู่” จะจับเข่าหารือกับ “บิ๊กเต็ง” มี 2 ประเด็น
1,รัฐบาล คสช.ยืนยันจะสานต่อ โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย หรือเรียกสั้นว่า “โครงการทวาย” ซึ่งรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” เริ่มต้นไว้ต่อไปให้สำเร็จเสร็จสมบูรณ์
2, รัฐบาลไทยยินดีร่วมมือกับรัฐบาลพม่า เพื่อเร่งพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติให้สอดคล้องกับความต้องการบริโภคพลังงานของ ไทยที่เพิ่มพรวดๆอย่างรวดเร็ว
“แม่ลูกจันทร์” ขออนุญาตแหยมเพิ่มเติมอีกประเด็น
ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ กระชุ่น พล.อ. เต็งเส่ง ช่วยเร่งปราบปรามแหล่งผลิตยาบ้าในเขตพม่าให้จั๋งหนับบุเรงนอง
เพราะกองทัพยาบ้าที่ตั้งโรงงานผลิต ติดชายแดนไทย ได้สร้างความวิบัติวอดวายให้สังคมไทยมานานเต็มทน
ทำให้คนไทยผู้ใสซื่อบริสุทธิ์ต้องตกเป็นทาสยาบ้าไปทั่วบ้านทั่วเมือง
จนคุกเมืองไทยแน่นเอี๊ยด ไม่มีที่ว่างจะขังพวกค้ายาบ้าอีกนับแสนคน
จึงต้องออกปากขอร้อง “พล.อ.เต็งเส่ง” ส่งทหารพม่าไปทลายโรงงานผลิตยาบ้าให้ราบเป็นหน้ากลองซะที
ขอเรื่องเดียวนี่แหละ...ไม่ได้ขอเยอะแยะอะไรเลย
“แม่ลูกจันทร์” ย้อนกลับไปที่ “โครงการทวาย” มูลค่า 2.6 แสนล้านบาทอีกที
ขอย้ำว่านี่ไม่ใช่โครงการประชานิยม ธรรมดา แต่เป็น “โครงการไทย–ญี่ปุ่น– พม่า อภิมหาประชานิยม” ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตเศรษฐกิจไทยในระยะยาว
สรุปสั้นๆง่ายๆคือ ฝ่ายพม่าเป็นผู้จัดพื้นที่ ฝ่ายไทยบริหารจัดการ และฝ่ายญี่ปุ่นควักกระเป๋าลงทุน
ทำสัญญาแบ่งผลประโยชน์ระยะยาว 75 ปี
ต่อวีซ่าเพิ่มอีก 25 ปี รวมเป็น 100 ปี
เป้าหมาย เพื่อพัฒนาจังหวัดทวายที่อยู่ติดชายแดนไทยให้เป็นนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เช่น อุตสาหกรรมปิโตรเคมี อุตสาหกรรมเหล็กครบวงจร โรงไฟฟ้าถ่านหิน โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ โรงงานผลิตปุ๋ยใหญ่ที่สุดของเอเชีย ฯลฯ
จะมีการลงทุนก่อสร้างถนน 8 เลน จากทวายถึงกรุงเทพฯ ระยะทาง 350 กม.
ก่อสร้างรางรถไฟขนสินค้าเชื่อมจีน–พม่า–ไทย ไปถึงท่าเรือแหลมฉบัง
ก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกทวายเพื่อให้เป็น “ประตูส่งสินค้าใหม่” ไปสู่อินเดียและยุโรป โดยไม่ต้องผ่านช่องแคบมะละกาให้เสียเวลา ปวดเมื่อยไข่ดัน
ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยป๊ะตุ้มเท่ง ไปอีก 100 ปี
ถ้าไม่สานต่อโครงการนี้...ก็เสียดาย ตายชักเลย.
ถือเป็นการโชว์ตัวครั้งแรกในตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี
ก่อนจะขึ้นเวทีอินเตอร์ ไปร่วมประชุมกลุ่มเอเปกที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน
ซึ่งจะเป็นโอกาสดีที่จะได้เจรจาภาษาดอกไม้กับ “ประธานาธิบดี โอบามา” แห่งอเมริกา “ประธานาธิบดี ปูติน” แห่งรัสเซีย และ “ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง” มังกรใหญ่แห่งเอเชีย
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าการเดินทางไปเยือนพม่าอย่างเป็นทางการ พล.อ.ประยุทธ์ มีนัดเจรจาทวิภาคีกับ “ประธานาธิบดี เต็งเส่ง” ผู้นำสูงสุดของรัฐบาลพม่า ที่กรุงเนปิดอว์
คาดว่า “บิ๊กตู่” กับ “บิ๊กเต็ง” จะคุยกันถูกคอ เพราะทั้งคู่เป็นทหารเหมือนกัน มาทางลัดเหมือนกัน แถมมีโรดแม็ปบันได 3 ขั้นตำราเดียวกัน
การเลือกเยือนพม่าเป็นประเทศแรก จึงเหมาะสมแล้วด้วยประการทั้งปวง
“แม่ลูกจันทร์” ย้ำว่าสาระสำคัญที่ “บิ๊กตู่” จะจับเข่าหารือกับ “บิ๊กเต็ง” มี 2 ประเด็น
1,รัฐบาล คสช.ยืนยันจะสานต่อ โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย หรือเรียกสั้นว่า “โครงการทวาย” ซึ่งรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” เริ่มต้นไว้ต่อไปให้สำเร็จเสร็จสมบูรณ์
2, รัฐบาลไทยยินดีร่วมมือกับรัฐบาลพม่า เพื่อเร่งพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติให้สอดคล้องกับความต้องการบริโภคพลังงานของ ไทยที่เพิ่มพรวดๆอย่างรวดเร็ว
“แม่ลูกจันทร์” ขออนุญาตแหยมเพิ่มเติมอีกประเด็น
ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ กระชุ่น พล.อ. เต็งเส่ง ช่วยเร่งปราบปรามแหล่งผลิตยาบ้าในเขตพม่าให้จั๋งหนับบุเรงนอง
เพราะกองทัพยาบ้าที่ตั้งโรงงานผลิต ติดชายแดนไทย ได้สร้างความวิบัติวอดวายให้สังคมไทยมานานเต็มทน
ทำให้คนไทยผู้ใสซื่อบริสุทธิ์ต้องตกเป็นทาสยาบ้าไปทั่วบ้านทั่วเมือง
จนคุกเมืองไทยแน่นเอี๊ยด ไม่มีที่ว่างจะขังพวกค้ายาบ้าอีกนับแสนคน
จึงต้องออกปากขอร้อง “พล.อ.เต็งเส่ง” ส่งทหารพม่าไปทลายโรงงานผลิตยาบ้าให้ราบเป็นหน้ากลองซะที
ขอเรื่องเดียวนี่แหละ...ไม่ได้ขอเยอะแยะอะไรเลย
“แม่ลูกจันทร์” ย้อนกลับไปที่ “โครงการทวาย” มูลค่า 2.6 แสนล้านบาทอีกที
ขอย้ำว่านี่ไม่ใช่โครงการประชานิยม ธรรมดา แต่เป็น “โครงการไทย–ญี่ปุ่น– พม่า อภิมหาประชานิยม” ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตเศรษฐกิจไทยในระยะยาว
สรุปสั้นๆง่ายๆคือ ฝ่ายพม่าเป็นผู้จัดพื้นที่ ฝ่ายไทยบริหารจัดการ และฝ่ายญี่ปุ่นควักกระเป๋าลงทุน
ทำสัญญาแบ่งผลประโยชน์ระยะยาว 75 ปี
ต่อวีซ่าเพิ่มอีก 25 ปี รวมเป็น 100 ปี
เป้าหมาย เพื่อพัฒนาจังหวัดทวายที่อยู่ติดชายแดนไทยให้เป็นนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เช่น อุตสาหกรรมปิโตรเคมี อุตสาหกรรมเหล็กครบวงจร โรงไฟฟ้าถ่านหิน โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ โรงงานผลิตปุ๋ยใหญ่ที่สุดของเอเชีย ฯลฯ
จะมีการลงทุนก่อสร้างถนน 8 เลน จากทวายถึงกรุงเทพฯ ระยะทาง 350 กม.
ก่อสร้างรางรถไฟขนสินค้าเชื่อมจีน–พม่า–ไทย ไปถึงท่าเรือแหลมฉบัง
ก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกทวายเพื่อให้เป็น “ประตูส่งสินค้าใหม่” ไปสู่อินเดียและยุโรป โดยไม่ต้องผ่านช่องแคบมะละกาให้เสียเวลา ปวดเมื่อยไข่ดัน
ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยป๊ะตุ้มเท่ง ไปอีก 100 ปี
ถ้าไม่สานต่อโครงการนี้...ก็เสียดาย ตายชักเลย.
“แม่ลูกจันทร์”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น