วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2557

“ชิเกตะ” ส่งทนายยื่นขอนำทารกอุ้มบุญทั้งหมดกลับญี่ปุ่น

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
“ชิเกตะ” ส่งทนายยื่นขอนำทารกอุ้มบุญทั้งหมดกลับญี่ปุ่น

เจ้าของน้ำเชื้อชาวญี่ปุ่นส่งทนายยื่นขอนำตัวทารกอุ้มบุญทั้งหมดออกต่างประเทศ ยินดีให้พนักงานสอบสวนเดินทางไปขอข้อมูล แต่ไม่ขอเข้าให้ปากคำที่เมืองไทย ด้าน ตร.ติดใจวัตถุประสงค์ที่ต้องการมีลูกจำนวนมาก เพื่อนำมาประกอบสำนวนก่อนสรุป
      
       วันนี้ (26 ส.ค.) พ.ต.อ.ภาคภูม พูลศิริโภคา หัวหน้าพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ส่งพนักงานสอบสวนไปศึกษาข้อมูล คำให้การประกอบสำนวนของนายชาตรี พินใย นิติกรชำนาญการพิเศษ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กับพนักงานสอบสวนของ สน.ลุมพินี เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ก่อนจะเชิญตัวนายชาตรีมาสอบปากคำเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีในท้องที่ สน.ลาดพร้าวในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ ตนยังรอเอกสารฉบับจริงที่แสดงการเเต่งตั้งทนายความและมอบอำนาจให้นายก้อง สุริยมณฑล ในการดำเนินการด้านคดี และนำหนังสือชี้แจงของนายชิเกตะ มิตสึโตกิ มามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ เนื่องจากก่อนหน้านี้เอกสารที่นำมามอบให้เป็นเพียงสำเนา และมีการเเปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยเรียบร้อยเเล้ว ในทางสำนวนนั้นต้องมีเอกสารฉบับจริงประกอบอยู่ด้วย โดยเบื้องต้นได้ติดต่อไปยังนายก้องแล้ว ทราบว่ากำลังดำเนินการขอเอกสารฉบับจริงดังกล่าวจากทนายความญี่ปุ่นอยู่ คาดว่าจะสามารถส่งมาได้ภายในสัปดาห์หน้า
      
       ทั้งนี้ นายชิเกตะได้มอบหมายให้ทนายความมาทำเรื่องประสานขอนำตัวเด็กอุ้มบุญทั้งหมดกลับไปซึ่งก็ให้นายก้องนำหนังสือแต่งตั้งทนายความพร้อมหนังสือคำร้องมาชี้แจงเหตุผลว่าทำไมถึงต้องการจะเลี้ยงเด็กอุ้มบุญไว้หลายคน คาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ เพราะต้องแปลคำร้องจากภาษาญี่ปุ่นมาเป็นภาษาไทย
      
       พ.ต.อ.ภาคภูมกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายก้องได้ยื่นข้อเสนอว่านายก้องยินดีประสานกับนายชิเกตะให้ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความต้องการที่จะเดินทางไปสอบปากคำนายชิเกตะที่ประเทศญี่ปุ่นนั้น ตนต้องขอทำเรื่องปรึกษาผู้บังคับบัญชาให้พิจารณาก่อนว่าจะสามารถกระทำได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าขณะนี้ในส่วนของคดีใกล้เสร็จเรียบร้อย เหลือเพียงเเต่คำให้การของนายชิเกตะเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการมีลูกจำนวนมากเท่านั้นเพื่อนำมาประกอบสำนวนคดีต่อไป
      
       ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนจะไม่มีการรวมคดีกับสถานีตำรวจนครบาลลาดพร้าว เนื่องจากได้มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน โดยสถานีตำรวจนครบาลลุมพินีรับผิดชอบการดำเนินคดีต่อสถานพยาบาล และตัวนายแพทย์ที่ทำผิดกฎหมายเท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น