วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2557

นายกฯ ตู่ แถลงครั้งแรก ทูลเกล้าฯ ครม.กันยานี้

“ประยุทธ์” แถลงหลังรับสนองพระบรมราชโองการ เตรียมทูลเกล้าฯ ครม.ตุลาคมนี้ ยันบริหารรราชการควบคู่ภารกิจเร่งด่วน ทำงานร่วม คสช.สร้างธรรมาภิบาลการเมืองให้ระบบเข้มแข็งต่อต้านโกง เร่งแก้เศรษฐกิจเพื่อรองรับเออีซี จ่อปลุกจิตสำนึกคนในชาติ แก้กฎหมายล้าสมัย ยันไม่กำจัดฝ่ายใด วอนร่วมนั่งสภาปฏิรูป ล่าสุดโฆษก คสช.แจงนายกฯ พูดผิด ตั้ง ครม.จริงเดือนหน้า 
       
       

       
       วันนี้ (25 ส.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แถลงภายหลังรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ โดยระบุว่า หน้าที่ต่อไปของตนคือการคัดเลือกรองนายกฯ คณะรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยจะทูลเกล้าฯ ถวายในเดือนตุลาคม โดยจะบริหารราชการควบคู่กับภารกิจเร่งด่วนเฉพาะหน้า รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จะหารือร่วมกันอย่างใกล้ชิด มีการตรวจสอบถ่วงดุลแต่ไม่ก้าวล่วงกัน ขอให้ประชาชนอย่ากังวล รัฐบาลจะสร้างระบบให้เข้มแข็ง เพื่อต่อต้านการทุจริตในข้าราชการ พลเรือน ทหาร ส่วนภูมิภาคและท้องถิ่นต้องเข้มแข็งเพื่อรองรับการปฏิรูป ให้ระบบการเมืองมีธรรมาภิบาลในการบริหารไปสู่อนาคต ทั้งนี้ประชาชนมีส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ก้าวผ่านไปได้ ทั้งในด้านสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม
       
       พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในด้านเศรษฐกิจมีปัญหามากมายที่ต้องช่วยกัน และแก้ไขโดยเร็วเพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ในด้านความมั่นคงก็มีปัญหาหลายประการ ทั้งเรื่องชายแดน การปักปันเขตแดน การปลบหนีเข้าเมือง สินค้าหนีภาษี ความมั่นคงภายใน อาชญากรรม การพนัน อาวุธสงคราม แรงงานต่างด้าว ให้เศรษฐกิจเดินหน้าเป็นรูปธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อย ปรับปรุงโครงสร้างภาษี พลังงงาน แก้ปัญหาปากท้องเป็นเรื่องสำคัญที่จะแก้ปัญหาให้เร็วแต่ไม่เกิดปัญหาในระยะยาวต่อไป
       
       พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ส่วนด้านสังคมต้องปลูกจิตสำนึก ในวัฒนธรรมที่ยั่งยืน ป้องกันการบุรุกทรัพยากรธรรมชาติ ปลูกฝังอุดมการณ์คนในชาติ ด้านกฎหมายต้องแก้กฎหมายที่ล้าสมัย ไม่สอดคล้องระหว่างประเทศและพันธสัญญา ให้สะดวกและถูกต้อง โดยยืนยันว่ารัฐบาลไม่ต้องการปิดกั้นหรือกำจัดฝ่ายใด ในสภาปฏิรูปก็อยากให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมทั้ง 11 ด้าน เพื่อสร้างอนาคตชาติไม่ให้เกิดปัญหาต่อไป โดยตนให้คำมั่นจะมุ่งมั่น ทุ่มเท ซื่อสัตย์ สุจริต ยึดประโยชน์ของชาติ ตอบแทนคุณแผ่นดิน สร้างความร่มเย็นสู่ประชาชน พร้อมสร้างความรักความสามัคคีแก่ทุกฝ่าย ขอขอบคุณทุกคนที่ร่วมมือกับรัฐบาล
       
       หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้แถลงกำหนดการนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายภายในสิ้นเดือนตุลาคมนั้น ซึ่งทำให้สื่อมวลชนสอบถามไปยังทีมงานโฆษก คสช. ถึงกำหนดการทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อ ครม.ดังกล่าว เนื่องจากว่าผิดไปจากกรอบระยะเวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์ เคยระบุไว้ในโรดแมปว่าจะมีคระรัฐมนตรีภายในสิ้นเดือนกันยายน 2557 โดย พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพ ในฐานะทีมโฆษก คสช. ได้ชี้แจงภายหลังว่า พล.อ.ประยุทธ์ ขอแก้ไขในการแถลงว่าจะทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อ ครม.ภายในเดือนตุลาคม เป็นภายในเดือนกันยายน ตามโรดแมปเดิมที่วางไว้
       
       สำหรับรายละเอียดแบบคำต่อคำของถ้อยแถลงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 มีดังนี้
       
       "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งให้ผมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ผมรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น และนับเป็นเกียรติอันสูงสุดในชีวิตแก่ผม และวงศ์ตระกูล อย่างหาที่สุดมิได้
      
       ผมตระหนักดีถึงภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ และสำคัญยิ่ง ว่าจากนี้ต่อไป ผมต้องรับผิดชอบในการนำพาประเทศชาติและประชาชนเพื่อก้าวเดินไปข้างหน้า ซึ่งได้มีการปฏิบัติดังต่อไปนี้
      
       การจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ได้แก่ การคัดเลือกรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการ รัฐมนตรีช่วยว่าการ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เพื่อบริหารราชการแผ่นดิน โดยเร็วที่สุด โดยจะนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อม ภายในเดือนตุลาคม 2557
      
       การบริหารประเทศในทุกๆ ด้าน ในบทบาทของรัฐบาล นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนงานเร่งด่วนเฉพาะหน้า ที่ต้องการความรวดเร็วในการแก้ปัญหา โดยรัฐบาล และ คสช.ต้องมีการหารือในการปฏิบัติ ตลอดจนวิธีการปฏิบัติอย่างใกล้ชิด รวมทั้งต้องระมัดระวังการก้าวล่วงซึ่งกันและกัน แต่ก็ต้องมีการตรวจสอบและถ่วงดุลกัน เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ขอให้ทุกคนอย่าได้กังวลกับตัวบุคคลมากนัก
      
       วันนี้เราจะต้องสร้างระบบทุกระบบให้เข้มแข็ง เพื่อต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันให้ได้โดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร ส่วนราชการ ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น ต้องเข้มแข็ง พัฒนาปรับปรุงตนเองในทุกมิติ ทั้งนี้ เพื่อเตรียมการและรองรับการปฏิรูป ที่จะต้องทำให้ฝ่ายการเมืองมีระบบธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศในระยะต่อไป และจะได้ร่วมกันนำพาประเทศชาติไปสู่อนาคต
      
       อย่างไรก็ตาม ประชาชนก็เช่นกัน เป็นส่วนสำคัญที่สุดที่จะทำให้การบริหารราชการแผ่นดินของพวกเราในขณะนี้ สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ของประเทศได้ ทั้งในงานด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีปัญหาสำคัญอยู่หลายประการด้วยกัน ทั้งภาคเกษตรกร รัฐ ประชาชนโดยทั่วไป ทุกภาคส่วนต้องช่วยกัน
      
       บ้านเมืองเรามีปัญหาสะสมสำคัญๆ มากมายมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็ว ทั้งนี้ เพื่อรองรับการเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน และการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 นี้ด้วย
      
       ด้านความมั่นคง ยังมีปัญหาอยู่หลายประการ อาทิเช่น ปัญหาชายแดน ทั้งในเรื่องการปักปันเขตแดน การหลบหนีเข้าเมือง สินค้าหนีภาษี ปัญหาความมั่นคงภายใน ในเรื่องยาเสพติด อาชญากรรม อาวุธสงคราม การพนัน แรงงานต่างด้าว และอื่นๆ
      
       ด้านเศรษฐกิจ การเดินตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างเป็นรูปธรรม การส่งเสริมการลงทุนในภาคต่างๆ การลดความเหลื่อมล้ำ การสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร และประชาชนผู้มีรายได้น้อย โครงสร้างภาษี พลังงาน สาธารณูปโภคพื้นฐาน ปัญหาปากท้องประชาชนถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้ พวกเราทุกคนจะพยายามแก้ปัญหาให้ได้โดยเร็ว แต่ทั้งนี้ก็ต้องไม่ทำให้เกิดปัญหาระยะยาวต่อไปในอนาคต
      
       ด้านสังคมและวัฒนธรรม ระบบการศึกษา การปลุกจิตสำนึก การปลูกฝังอุดมการณ์ การดำรงซึ่งวัฒนธรรมไทยอย่างยั่งยืน การรักษาทรัพยากรธรรมชาติ การป้องกันการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การปลูกฝังค่านิยมต่างๆ เหล่านั้น และอุดมการณ์ให้กับคนในชาตินั้น เป็นสิ่งที่จะทำให้การแก้ปัญหานั้นเกิดขึ้นอย่างยั่งยืน
      
       ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม การแก้ไขกฎหมายที่ล้าสมัย ไม่สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศในปัจจุบัน ไม่สอดคล้องกับพันธสัญญาต่างๆ รวมทั้งกฎหมายที่ส่วนราชการต้องแก้ไข เพื่อความสะดวกและความถูกต้อง ซึ่งที่ผ่านมานั้นยังดำเนินการไม่เรียบร้อย
      
       สิ่งต่างๆ ที่เป็นปัญหาที่ผมกล่าวมาแล้วนั้น รัฐบาล คสช. และประชาชนทุกคน ต้องมาร่วมกันแก้ปัญหา เราไม่ปิดกั้นฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด หรือต้องการกำจัดฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทั้งสิ้น จะเห็นได้ว่าในสภาปฏิรูปฯ สมาชิกสภาปฏิรูปฯ ไม่ได้มีข้อกำหนด ข้อห้ามอะไรต่างๆ เหมือนกับสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งจะต้องดำเนินการตามกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมทุกประการ ที่ต้องยึดหลักการหลายอย่างในการจัดตั้งสภานิติบัญญัติฯ ในส่วนสภาปฏิรูปฯ เราต้องการให้ทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย เข้ามามีส่วนร่วมให้มากที่สุด ในการปฏิรูปทั้ง 11 ด้าน ทั้งกลุ่มการเมือง กลุ่มพลังประชาชน นักเศรษฐกิจ นักวิชาการ ข้าราชการ สื่อมวลชน ผู้แทนส่วนต่างๆ เราไม่ต้องการให้ส่วนหนึ่งส่วนใดตกขบวนประชาธิปไตย เพื่อสร้างอนาคตของชาติให้มั่นคงและยั่งยืน ไม่เกิดปัญหาต่อไปในอนาคต
      
       โอกาสนี้ ผมขอให้คำมั่นต่อพี่น้องประชาชนว่า จะมุ่งมั่น ทุ่มเทอย่างเต็มที่ ในการปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ เพื่อตอบแทนคุณแผ่นดิน นำความสุข ความร่มเย็น มาสู่พี่น้องประชาชน และทำให้ประเทศชาติมีความเป็นปึกแผ่นมั่นคง พร้อมไปกับการสร้างความรัก สามัคคี ในทุกกลุ่มทุกฝ่าย ผมขอขอบคุณสำหรับความร่วมมือที่ทุกคนในชาติจะมอบให้กับรัฐบาล และ คสช.ในการปฏิบัติงานในห้วงต่อไป ขอขอบคุณครับ"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น