วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557

บอกบุญฟีเวอร์! Ice Bucket Challenge ไทยสนุกปนดรามา

บอกบุญฟีเวอร์! Ice Bucket Challenge ไทยสนุกปนดรามา
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
บอกบุญฟีเวอร์! Ice Bucket Challenge ไทยสนุกปนดรามา
ระบาดเร็วยิ่งกว่าอีโบลา! จนเกิดปรากฏการณ์กล้า ท้า ราดน้ำแข็ง Ice Bucket Challenge ไปทั่วโลก กระทั่งระบาดหนักสู่ดารา-คนดังในไทย ท้ากันถ่ายคลิปราดน้ำแข็งออกมากันเพียบ แม้ว่านี่จะเป็นการร่วมแคมเปญมูลนิธิ ALS เพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงในอีกซีกโลก แต่ขึ้นชื่อว่า 'ไทยแลนด์แดนสยาม' ไม่มีทางตกเทรนด์ งานนี้จึงมีทั้งความสนุกปนดรามา แถมเรียกเสียงฮาได้ไม่น้อย ล่าสุดมีการแถลงข่าวจัดตั้งกองทุน ALS ในไทยแล้ว
      
        บอกบุญฟีเวอร์! ราดน้ำเย็นการกุศล
      
        พูดถึงแคมเปญนี้ หลายคนรู้จักกันไปบ้างแล้วจากสื่อต่างๆ แต่หนึ่งในใครหลายคนอาจยังไม่รู้จักมันดี กล่าวสำหรับ ALS Ice Bucket Challenge เป็นแคมเปญที่อดีตนักกีฬาเบสบอลระดับมหาวิทยาลัย ชื่อ Pete Frates ป่วยเป็นโรคนี้ได้เป็นคนจุดประกายขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้ป่วยโรค ALS หรือ ALS Associtaion ซึ่งไม่ใช่แค่การบริจาคเงินแล้วจบๆ กันไป แต่ยังพ่วงกติกาเก๋ๆ จนกลายเป็นที่ฮือฮาไปทั่วโลก ดังนี้
      
        1. ใช้ถังน้ำแข็งหรือน้ำเย็น 2. นำถังน้ำนั้นราดหัวตัวเอง โดยต้องอัดคลิปแล้วแชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย 3. ทำการส่งต่อ หรือท้าทายเพื่อนได้อีก 3 คน 4. บริจาคเงินเข้าสมาคม ALS แต่หากใครที่ไม่ทำตาม ต้องบริจาคเงิน 100 ดอลลาร์ (ประมาณ 3,000 บาท) บริจาคเงินเข้าสมาคม ALS ซึ่งส่วนใหญ่จะเลือกทำทั้งสองอย่าง
      
        ถามว่าทำไมต้องเป็นน้ำเย็น คำตอบคือ ต้องการถ่ายทอดให้บุคคลทั่วไปได้รับรู้และเข้าถึงความรู้สึกของผู้ป่วยโรคนี้ เปรียบเทียบเหมือนเมื่อโดนน้ำเย็นจัดๆ ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เหมือนกับผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) นั่นเอง
      
        สำหรับแคมเปญนี้ เริ่มระบาดหนักหลัง 'มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก' ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กท้าซีอีโอไมโครซอฟท์ จนระบาดลุกลามไปทั่วฮอลลีวูด กระทั่งลามมาถึงฝั่งเอเชียทั้งในไทยและเกาหลีใต้ โดยเฉพาะประเทศไทยที่ดูเหมือนจะตอบรับกับกระแสนี้อย่างแรง และท้ากันอย่างสนุกสนาน
      
        แรงไม่แรง ก็ดูได้จากข้อมูลจากเฟซบุ๊กที่มีการเปิดเผยข้อมูลในวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า ในโซเชียลเน็ตเวิร์กมีการพูดถึงแคมเปญ ALS Ice Bucket Challenge ถึง 15 ล้านคนทั่วโลก รวมทั้งการโพสต์ และคอมเมนต์ต่างๆ ซึ่งมีการโพสต์คลิปวิดีโอถึง 1.2 ล้านคลิปเลยทีเดียว
      
        ไทยสนุกปนดรามา
      
        อย่างที่บอก ขึ้นชื่อว่าไทยแลนด์ ไม่มีทางตกเทรนด์แน่นอน หลังจากคนในแวดวงออนไลน์อย่าง อิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์ หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "มาร์ค บล็อกนัน' (Blognone) บล็อกเกอร์ และผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Blognone ได้ทำคลิปวิดีโอตัวหนึ่งเพื่อบอกเล่าเกี่ยวกับที่มาของแคมเปญนี้ จากนั้นทำการส่งต่อคำท้าให้กับบุคคลร่วมวงการ 3 คนได้แก่ ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ (@pawoot) จาก TARAD.com, จักรพงษ์ คงมาลัย (@jakrapong) จากเว็บไซต์ Thumbsup และอาจารย์ศุภเดช สุทธิพงศ์คณาสัย (@ripmilla) จากรายการแบไต๋ไฮเทค
      
        กลายเป็นกระแสที่ค่อยๆ ลุกลามไปทั่วบ้านทั่วเมือง ยิ่งดารา-คงดัง รวมไปถึงซีอีโอหลายท่านให้การตอบรับ และร่วมเล่น พร้อมท้าต่อๆ กันแล้ว ยิ่งเพิ่มระดับความสนใจจนส่งต่อไปเรื่อยๆ และที่สร้างความฮือฮา คงหนีไม่พ้น ปลื้ม-สุรบถ หลีกภัย พิธีกรรายการ VRZO หลังจากรับคำท้าจากบี้ เดอะสกา ก็ได้ท้าไปอีก 3 คน หนึ่งในนั้นคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีป้ายแดง ซึ่งคงต้องลุ้นกันว่า ผู้นำคนใหม่จะรับคำท้าหรือไม่
      
        แม้จะดูเป็นกระแสที่สนุก แต่ก็มีดรามาปนออกมาด้วย เมื่อ บัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทยได้แสดงความเห็นด้วยต่อกิจกรรมที่ช่วยสร้างกระแสให้คนเกิดความสนใจในการร่วมกันทำกุศลในครั้งนี้ เป็นเรื่องที่ดี แต่เห็นว่าการราดน้ำแข็งเป็นวัฒนธรรมแบบตะวันตก จึงขอปรับเป็นการใช้น้ำมนต์ 9 วัดแทน เพราะเป็นวัฒนธรรมแบบไทย และช่วยเสริมความเป็นสิริมงคลด้วย โดยขอให้ผู้ส่งคำท้าช่วยไปจัดหาน้ำมนต์มาให้ และควรจะมีน้ำตาเทียนลอยอยู่ด้วยเพื่อที่จะได้มั่นใจว่าเป็นน้ำมนต์จากวัดจริง
      
        ทางด้าน 'เพจดรามา แอทดิท' ก็แสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ไว้น่าคิดเช่นกัน 
      
        "แคมเปญน้ำแข็งราดตัว ALS Ice bucket Challenge นี่อาจจะไกลตัวสำหรับคนไทยไปหน่อย เพราะมันเป็นโรคที่ไม่ได้เจอกันบ่อยๆ แต่เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ ว่าการทำแคมเปญให้ go viral ในลักษณะนี้มันจะช่วยให้คนในสังคมตระหนักถึงอันตรายของโรคที่ว่าขนาดไหน พอกระแสสร่าง ถ้าประเมินแล้วพบว่ามันได้ผล คนที่เข้าร่วมแคมเปญ รู้ว่าอะไรคือ ALS มีอาการยังไง ดำเนินโรคยังไง น่าจะลองเอาไปประยุกต์ในการสร้าง viral รณรงค์เรื่องโรคอื่นๆ ที่สังคมไทยยังไม่มีความเข้าใจดูบ้าง"
      
        ขณะที่คอลัมนิสต์ชื่อดังประจำหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ "เปลวสีเงิน" ก็เขียนถึงการแพร่ระบาดของกระแสราดน้ำแข็งในไทยไว้ตอนหนึ่งผ่านบทความ "สังคมรากเน่าที่เฝ้าหวังปฏิรูป" ว่า "...ฝรั่งเขาทำ นั่นก็เรื่องของพวกเขา-สังคมเขา....! พวกเรา-สังคมเรา ก็หัดคิด-หัดสร้างเป็นต้นแบบที่ดีงาม ให้คนอื่นหรือไทยเราเองได้เลียนแบบ-ทำตามกันบ้าง จะไม่ดีกว่าหรือ?
      
        แค่การเอาน้ำแข็งราดหัว แล้วประกาศบริจาคเงินให้โน่น-ให้นี่ ถามตรงๆ...มีกุศลจิตสงเคราะห์ หรือต้องการโชว์คลิปอีโก้ "น้ำแข็งราดหัว" ด้วยนึกว่าเท่ ว่าเก๋ทันสมัย ฝรั่งมันทำอะไร คนไทยเลียตูดได้ตามกลิ่นตดติดๆ? ลักษณะนี้มันสะท้อนถึงซูเปอร์ซับคอนเชียสของมนุษย์ "ทาสวัตถุทุน" พวกนี้อย่างหนึ่งว่า....ภายใต้จิตเบื้องลึกหรือที่เรียกว่า "จิตแอบ" ซึ่งมันฝังอยู่ในการกระทำทุกอย่าง อะไรที่ "ไม่ได้สิ่งตอบแทน" มนุษย์พวกนี้จะไม่ทำ"
      
        เช่นเดียวกับชาวเน็ตท่านหนึ่ง ที่บอกเอาไว้อย่างสนใจว่า แม้จะเป็นแคมเปญที่ดี ช่วยเหลือสังคม แต่ไม่ควรลืมว่า ทุกวันนี้ยังมีอีกหลายโรคในไทยที่รอความช่วยเหลือ ดังนั้นแทนที่จะเห่อตามฝรั่ง แต่คนไทยควรประยุกต์เอาความสร้างสรรค์จากแคมเปญนี้มาสร้างกระแสให้ระบาดไปทั่วโลกน่าจะดีกว่า
      
        ไม่เพียงแต่ความดราม่า ยังมีกระแสเรียกเสียงฮาจากแคมเปญนี้ไม่น้อย หนึ่งในนั้นคือ ลีนา จังจรรจา นักธุรกิจสุดฮอตย่านประตูน้ำที่ตามกระแสกับเขาด้วยเหมือนกัน โดยอัดคลิปราดน้ำแข็งจนหนาวสั่นเป็นเจ้าเข้า พร้อมท้า 3 บิ๊กการเมืองไทย ได้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 
      
       คนไทยควรเรียนรู้อะไรจากแคมเปญนี้
      
        เมื่อมองในมุมนักการตลาด เสริมยศ ธรรมรักษ์ หัวหน้าภาควิชาการสื่อสารแบรนด์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ บอกถึงกระแสราดน้ำแข็งเพื่อการกุศลว่า เป็นแคมเปญที่สร้างสรรค์ แต่ต้องไม่ลืมเป้าหมายหลัก นั่นก็คือการบริจาคเพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS)
      
        "เป็นกระแสน่าสนใจ เป็นแคมเปญที่มีเป้าหมายเพื่อระดมเงินบริจาค โดยใช้วิธีการที่น่าสนใจ และทำให้เกิดกระแสโดยใช้วิธีเอาน้ำเย็นๆ ใส่ถังราดตัวเองและท้าต่อๆ กันไป โดยเฉพาะคนดังกับคนดัง เพราะการท้า เป็นเหมือนจิตวิทยา ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรงก็จะทำ แต่เวลาใครมาท้า คนบางคนยอมไม่ได้ ก็ต้องรับคำท้ากันไป ซึ่งการท้าแล้วทำก็จะสร้างภาพลักษณ์ในด้านดี แต่ถ้ารับคำท้าแล้วบริจาคด้วยมันก็จะเป็นภาพลักษณ์ที่น่าจดจำ"
      
        อย่างไรก็ดี แม้จะเป็นแคมเปญที่สร้างสรรค์ และมีวิธีการ 'บอกบุญ' แบบไฮเทคดึงดูดคนให้คนสนใจ แต่สิ่งที่คนไทยควรจะเรียนรู้จากแคมเปญนี้ คือ ไม่ใช่เห่อตามกระแสแล้วจบๆ ไป แต่ควรศึกษา และเอาไปประยุกต์ใช้การรณรงค์ หรือระดมทุนต่างๆ ในแบบของไทยด้วย
      
        "ถ้าแคมเปญนี้เป็นขององค์กรเดียวกัน และมีอยู่ในเมืองไทย ช่วยกันแบบนี้ก็ไม่แปลกนะ แต่ถ้าทำในองค์กรคนละองค์กรกัน เราจะไปเลียนแบบเขาทำไม สู้สร้างอะไรที่ทำให้เกิดสีสัน และการกระพือต่อดีกว่า ผมเชื่อว่ามันมีอีกเยอะ แล้วคนไทยคิดได้ แต่ต้องไม่ลืมว่า เราทำเพื่ออะไร ถ้าทำเพื่อสิ่งที่ดี และช่วยเหลือสังคมก็ทำได้ แต่ก็ไม่ใช่ไปเลียนแบบต่างชาติมาทั้งหมด" นักวิชาการด้านการตลาดคนเดียวกันเผย
      
        ทั้งนี้ เพื่อให้คนไทยที่ต้องการเล่น ALS Ice Bucket Challenge ได้บริจาคจริง และตรง ล่าสุด ทางแพทยสภาได้ประสานกับสถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ให้ทางสถาบันจัดตั้งกองทุนสนับสนุนเครื่องช่วยหายใจในผู้ป่วย ALS ภายใต้มูลนิธิสนับสนุนสถาบันประสาทวิทยา กระทรวงสาธารณสุข ที่ดูแลโครงการโดย พญ.ทัศนีย์ ตันติฤทธิศักดิ์ หัวหน้าประสาทวิทยา (ปธพ.2) พญ.ภัทรา อังสุวรรณ รองผอ.สถาบันฯ (ปธพ.1) นายแพทย์บุญชัย พิพัฒน์วนิชกุล ผู้อำนวยการสถาบัน เพื่อรับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาซื้อเครื่องช่วยหายใจ ให้คนไข้กลับไปใช้ที่บ้าน
      
       ท่านใดสนใจ บริจาคได้ที่บัญชี กองทุนสนับสนุนเครื่องช่วยหายใจในผู้ป่วย ALS ภายใต้มูลนิธิสนับสนุนสถาบันประสาทวิทยา กระทรวงสาธารณสุข ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา รามาธิบดี เลขที่ 026-430952-1 สอบถามรายละเอียดได้ที่ จนท.มูลนิธิ คุณทิพรดา ประภาสิทธิ์ โทร. 02-354-6118
       
โน้ส อุดม ชูป้าย ยอม ไม่เล่นราดน้ำแข็ง แต่ขอร่วมบริจาคเงินด้วย

บอกบุญฟีเวอร์! Ice Bucket Challenge ไทยสนุกปนดรามา

บอกบุญฟีเวอร์! Ice Bucket Challenge ไทยสนุกปนดรามา
อีเวนต์ใหญ่ในไทย Global Ice Bucket Challenge

บอกบุญฟีเวอร์! Ice Bucket Challenge ไทยสนุกปนดรามา
แถลงข่าวจัดตั้งกองทุน ALS ในไทย

บอกบุญฟีเวอร์! Ice Bucket Challenge ไทยสนุกปนดรามา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น