เมื่อวันที่ 31 ส.ค.หอบังคับการบินท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี ได้รับการติดต่อจากเที่ยวบินDD 7805สายการบินนกแอร์ เส้นทางบิน จ.นครศรีธรรมราช ปลายทางสนามบินดอนเมือง กทม. เพื่อขอลงฉุกเฉินที่สนามบินสุราษฎร์ธานี เนื่องจากเกิดเหตุเครื่องบินชนนกอย่างกะทันหัน
นายอรรถพร เนื่องอุดม ผอ.ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า เที่ยวบินนกแอร์DD7805 เป็นเครื่องโบอิ้ง738 ได้ออกจากท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชเวลา07.40น.พร้อมด้วยผู้โดยสารและลูกเรือ 139คน มุ่งหน้าปลายทางสนามบินดอนเมือง กระทั่งตัวเครื่องยนต์ได้ชนเข้ากับฝูงนกไม่ทราบชนิด กัปตันประจำเครื่องจึงตัดสินใจติดต่อกับหอบังคับการบินท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานีขอลงจอดฉุกเฉินดังกล่าว โดยลูกเรือทั้งหมดปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นระหว่างการรอเปลี่ยนเครื่อง หลังจากเจ้าหน้าที่สายการบินนกแอร์ได้แจ้งให้ผู้โดยสารมารับสัมภาระและให้ยื่นความจำนง เพื่อเดินทางไปต่อด้วยเที่ยวบินปกติของสายการบินนกแอร์ที่ออกเดินทางจาก จ.สุราษฎร์ธานี สร้างความไม่พอใจให้กับผู้โดยสารที่รอเปลี่ยนเครื่อง เนื่องจากจำนวนที่นั่งไม่เพียงพอ
น.ส.พิมพ์พิมล แสงเงิน อายุ 28 ปี หนึ่งในผู้โดยสาร เปิดเผยว่า ตั้งแต่เครื่องยกตัวก็สังเกตว่าเครื่องยนตืสั่นผิดปกติ แต่ไม่ได้สนใจ จากนั้นเมื่อบินได้ 20 นาที กัปตันได้แจ้งให้ทราบว่าต้องลงฉุกเฉินที่สุราษฎร์ธานีเพราะบินชนนก แต่แทนที่สายการบินจะเปลี่ยนเครื่องมารับใหม่ กลับให้นั่งไปกับเที่ยวปกติแทน ทำให้ผู้โดยสารต้องตกค้างเกือบทั้งหมด เพราะที่นั่งไม่พอ
ซึ่งเหตุการณ์ทิ้งให้ผู้โดยสารรอข้ามวันของสายการบินนกแอร์ไม่ใช่ครั้งแรก ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2557 เที่ยวบินสายการบินนกแอร์จากน่านบินตรงดอนเมืองเกิดดีเลย์ทุกไฟล์ท ผลจากมีเครื่องบินเสีย 1 ลำ ส่งผลให้เที่ยวบินแรก 12.15 น. ดีเลย์นานถึง 7 ชม. เจ้าหน้าที่แก้ปัญหาโดยใช้เที่ยวบิน DD807 ซึ่งเป็นเที่ยวบินที่ 2รับผู้โดยสารในเที่ยวบินแรกกลับดอนเมืองก่อน แล้วปล่อยให้ให้ผู้โดยสารชุดที่ 2 ในเที่ยวบินปกติเวลา 16.25น. ต้องรอเที่ยวบินใหม่แบบไม่มีจุดหมาย โดยเที่ยวบินในครั้งนั้นมีสื่อมวลชนสายอสังหาริมทรัพย์รวมกว่า 30 ชีวิต ซึ่งเจ้าหน้าที่อ้างว่าจะซ่อมลำที่เสียหายให้แล้วเสร็จแล้วให้ผู้โดยสารที่เหลือกลับกับลำที่กำลังซ่อม
โดยการเจรจาในครั้งนั้น นายพาที สารสิน ระบุให้ไฟล์ทสื่อสารมวลกลับตอน 23.00น. โดยจะให้เที่ยวบินจากดอนเมืองกลับมากลับแต่มีเพียง 21 ที่นั่ง เนื่องจากต้องการให้ลูกค้ารายย่อยแทรกคิวไปด้วย ส่วนสื่อมวลชนอีก 13 คน ขอให้ไปเที่ยวบินพิเศษ 02.30 น.สุดท้ายก็ได้บินเที่ยวบินประวัติศาสตร์ ที่ Boarding Pass ระบุเที่ยวบินเวลา 02.50 น. (24มีนาคม)แต่เครื่องบินที่มาจากดอนเมือง แตะรันเวย์เวลา 03.00 น. และบินกลับดอนเมืองจริงๆเวลา 03.20 น. ถึงสนามบินดอนเมือง เวลา 04.33 น. รวมระยะเวลาในการรอขึ้นเครื่องบินกลับ กทม. ประมาณ 10 ชั่วโมงครึ่ง.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น